สิ่งละอันพันละน้อย/รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
"ตาเป็ดตาไก่" ผลไม้แห่งป่าที่ไม่ต้องซื้อและไร้สารพิษตกค้าง

ตาเป็ดตาไก่

“ตาเป็ดตาไก่” เป็นไม้ป่าอีกชนิดหนึ่ง ที่ขึ้นชอบตาม “ป่ายาง” ที่เรียกป่ายางเพราะสมัยก่อนตอนผมเด็กๆมีแต่ต้นยางพาราพื้นเมืองแท้ๆที่ท่านพระยารัษฎาฯ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เป็นผู้นำมาปลูก ตอนนำมาปลูกตอนแรกๆนอกจากท่านได้ปลูกไว้ที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ใกล้ที่พักของท่านแล้ว ท่านให้คนใช้ธนูคัน (ก็คล้ายกับธนูที่ยิงศรเป็นอาวุธนั่นแหละแต่แทนที่ทำสำหรับยิงลูกศร ก็ใช้ย่านลิเพาถักเป็นรังสำหรับใช้ใส่ลูกกระสุนดินเหนียวใช้ยิงนกหรืออาจจะใช้ยิงหัวคนให้ตัวแตกก็ได้ สมัยก่อนเขาใช้กันก่อนที่จะมี หนังสติ๊ก ใช้) ผมเองก็ใช้แต่ไม่ได้เรื่องไม่เคยยิงเข้าเป้าสักทีสู้ยิงด้วยหนังสติ๊กไม่ได้ง่ายกว่ากันเยอะ อ้อ...มีการยิงเข้าเป้าด้วยธนูคันเหมือนกันคือหัวแม่ตัวเองที่จับคันธนูนั่นแหละ ยิงไม่ชำนาญเลยยิงเอาหัวแม่มือตนเอง...วกมาหาการปลูกยางด้วยการยิงด้วยธนูคัน ก็คือเอาเมล็ดยางพาราใส่ในรังกระสุนแล้วยิงไปให้ตกไกลๆตามป่าตามเขาเพื่อเป็นการขยายพันธ์ เมื่อต้นใหญ่ขึ้นก็ถางต้นไม้ที่ไม่ต้องการออกเป็นทางไปกรีดยาง เมื่อออกลูกมีเมล็ดแตกออกมาก็นำไปขยายพันธ์ ให้ชาวบ้านชาวช่องนำไปปลูกกันเป็นล่ำเป็นสัน

ผมจะพูดเรื่องต้น “ตาเปิดตาไก่” ก็ไปออกเรื่องยางพาราพื้นเมืองเสียได้ เอาละ...กลับมาหาเรื่อง “ตาเป็ดตาไก่”กันใหม่ มันชอบขึ้นตามป่าทั่วไปแต่ที่ผมเจอมากที่สุดก็คือในป่ายาง เพราะผมตามคุณแม่เข้าไปป่ายางบ่อยๆในป่าลึกจริงๆไม่ค่อยได้เข้าไปหรอก กลัวเสือเพราะได้ยินเสียงมันร้องคำรามแทบทุกวันเลย แถมยังแอบเอาสุนัขตัวโปรดของผมสมัยเด็กไปกินเสียอีก “ต้นตาเป็ดตาไก่” เป็นต้นไม้พุ่มขนาดกลางสูงประมาณ ๒ – ๓ เมตร ยิ่งอยู่ในป่าใหญ่ยิ่งสูง มีใบรีรูปหอก ออกดอกและออกลูกเป็นช่อละประมาณ ๑๐ – ๑๕ ลูก ลูกอ่อนขาวแกมเขียว เมื่อแก่ลูกจะออกสีแดง เมื่อสุกเป็นสีดำ (อันนี้ใครค้นทางอินเทอร์เน็ตอาจจะงงเพราะจะเจอข้อมูลว่า “ตาเป็ดตาไก่” เป็นผลไม้มงคลของชาวอาทิตย์อุทัย และเป็นไม้นำเข้า ลูกสุกจะเป็นสีแดงสด) แต่ผมดูจากภาพในอินเทอร์เน็ตที่เขาเอามาปลูกกันเป็นไม้กระถาง มันไม่ใช่ “ตาเป็ดตาไก่” ที่กล่าวถึง เพราะผมกล่าวถึงแม้มีใบรีเหมือนกันแต่มันก็มีส่วนต่างกันอยู่ ส่วนลูกนั้นไม่ได้ออกลูกยั้วเยี้ยอย่างที่เห็น และยิ่งว่าเป็นไม้นำเขาจากญี่ปุ่นผมก็สงสัยว่าญี่ปุ่นนำเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร จะว่านำเข้าตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คงจะไม่ใช่เพราะถ้าชาวญี่ปุ่นนำเข้ามาคงไม่เอาไปปลูกไว้ในป่าลึกๆหรอก และพอผมจำความได้ก็เห็น “ต้นตาเป็ดตาไก่” แล้ว

ทีนี้มาถึง “ลูกตาเป็ดตาไก่” เมื่อผมคุณแม่เข้าไปในป่ายางเจอต้องรีบเก็บทันทีกินไปพลางเดินตามคุณแม่ไปพลาง รสหวานอร่อย แต่ลูกมันเล็กไปหน่อยขนาดใหญ่หน่อยก็เท่าปลายนิ้วก้อย แต่ถ้าดูไม่ดีอาจจะเผลอไปเก็บเอาลูกต้นขาไก่ที่มีลูกคล้ายกันเอาได้(ต้นขาไก่เป็นไม้ที่เหนียวครูขอบให้เด็กตัดมาทำไม้เรียวหวดก้นเจ็บนักแล และผมก็เคยใช้ตอนที่ไม้เรียวยังไม่ได้ถูกหัก) ภาพที่ผมหามาให้ดูไม่ได้ถ่ายเองหรอก เอามาจากอินเทอร์เน็ตนั่นแหละ ตั้งจะถ่ายเองเหมือนกันแต่เมื่อไปเห็นต้นที่เขาปลูกกันไว้ ผมว่ามันไม่ใช่ก็เลยขี้เกียจถ่าย

ที่นี้เรามาลองอ่านดูข้อมูลทางพฤกษศาสตร์กันดูนะครับ

ชื่อวิทยาศาสตร์ Ardisia lenticellata Fletch. ( Ardisia fulva King & Gamble)
ชื่อวงศ์
MYRSINACEAE
ชื่ออื่น - พิลังกาสาเล็ก, มะจ้ำเล็ก, หัวขวาน

ตาเป็ดตาไก่ เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูง 2-4 เมตร ลำต้นตรง

ใบ ใบเดี่ยวรูปหอก ปลายใบแหลม
ผิวใบเรียบและขอบเป็นหยักเป็นลอนตื้น

ดอก ดอกเล็กสีขาวแกมชมพู เป็นช่อกระจุกออกตาม
ยอดและข้างกิ่ง ก้านช่อดอกยาว ช่อหนึ่งมีดอกประมาณ 10-20 ดอก เมื่อดอกบานเต็มที่จะเห็นกลีบดอก 5 กลีบ แฉกคล้ายดาวมีเกสรยื่นเป็นปุ่มอยู่ตรงกลาง

ผล ออกเป็นกระจุกก้านช่อยาว ลักษณะผลเหมือนรูปครึ่งวงกลมมน ผลสุกสีแดงผิวมัน เมล็ดสีดำมีร่องตามแนวยาว

ส่วนที่ใช้ประโยชน์
ยอดอ่อน รับประทานเป็นผักสด ผลสุก เป็นผลไม้กินเล่นของเด็กๆ

KROOWIN

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล

http://plugmet.orgfree.com/flora_c-2.htm

http://www.oknation.net/blog/chabatani/2011/03/24/entry-1

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

โพสเมื่อ : 03 ก.พ. 2555,15:22   อ่าน 10701 ครั้ง