ครูได้รับวิทยฐานะนักเรียนได้อะไร
ผมเป็นครูสมัยเก่าที่ทำงานไม่ชอบเก็บหลักฐานของตัวเอง
เพราะไม่รู้จะเก็บไปทำไม เราทำเพื่อเด็ก สอนเพื่อเด็ก ความต้องการคือเด็กของเราเก่ง เป็นคนดี
อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และเป็นเด็กที่เก่งจริงๆ เป็นคนดีจริงๆ
และอยู่สังคมได้อย่างมีความสุขจริงๆ
ดูได้ที่ตัวเด็กโดยตรงแต่ไม่สามารถดูที่เอกสารได้ ผมไม่ชอบระบบประเมินในเอกสารแทนที่ประเมินของจริง
เราทำอะไรชอบเลียนแบบฝรั่งเห็นว่าฝรั่งเก่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการศึกษาทั้งหลายที่จบมาจากต่างประเทศชอบอวดภูมิรู้ของตนว่าตนคือนักเรียนนอกนะจะบอกให้...
ตนเก่งนะ.... ตนจะต้องจะต้องทำอะไรทางศึกษาของเราตามแบบฉบับของฝรั่งเขานะ...เขาเก่ง...ผมยอมรับว่าฝรั่งเขาเก่ง แต่มันคนบริบทกับเรา
สมัยหนึ่ง
มีนักการศึกษาท่านหนึ่งท่านเป็นคนเก่งเห็นว่าการสอนภาษาไทยที่ถูกต้องต้องฝึกให้นักเรียนออกเสียงเป็นคำเหมือนกับการออกเสียงภาษาอังกฤษ(นัยว่าเพื่อใช้สอนคนกลุ่มน้อยแต่ไม่รู้ทำไมจึงมาใช้กับเด็กทั้งประเทศ)
ให้ครูสอนนักเรียนโดยใช้ มปพ.(ย่อมาจากอะไรไม่อยากรู้)ผลปรากฏว่านักเรียนโรงเรียนของผมอ่านหนังสือไม่ออกจนถึง
ป.๖ หลังจากนั้นท่าน ผอ.ย้ายมาใหม่สั่งเลิกใช้ มปพ.
โดยเด็ดขาดเด็กจึงเริ่มอ่านหนังสือออกในอีกปีสองปีต่อมา
เป็นอย่างไรครับของดีของฝรั่งทำเอานักเรียนไทยอ่านหนังสือไม่ออก ภาษาอังกฤษกับภาษาไทยมันไม่เหมือนกัน ภาษาอังกฤษออกเสียงเป็นคำ
ส่วนภาษาไทยอ่านแจกลูกต้องสะกดจึงจะอ่านได้
(ยังมีครูสอนภาษาอังกฤษบางคนยังแอบสอนให้นักเรียนสะกดเหมือนภาษาไทยเลย)
ผลหรือครับนักเรียนอ่านออกเขียนได้แปลเป็น
แต่ฝรั่งฟังไม่รู้เรื่อง...ภาษาอังกฤษกับภาษาไทยมันคนละเรื่องกันเราเลียนเขาได้อย่างไรกัน
และเขาก็ไม่สามารถเลียนแบบเราได้เช่นกัน
อ้าว...เห็นว่าจะพูดเรื่องวิทยฐานะของครูแล้วงัยดันไปออกเรื่อง
มปพ.
เพียงแต่ยกตัวอย่างให้ฟัง...เท่านั้นเองอย่าเพิ่งบ่นเลยน่า...อย่าน้อยใจไปเลย...ผมเขียนเรื่องนี้เพราะสงสารครูเรามากๆๆๆๆที่ต้องจ้างรถบรรทุกขนเอกสารไปให้เขาอ่าน
ให้เขาประเมิน...(แต่ผมสงสารเด็กมากกว่า...ที่นั่งคอยหาพ่อ...หาแม่...(ครู)ที่ต้องไปทำเอกสารผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเป็นชำนาญการ,
ชำนาญการพิเศษ, เชี่ยวชาญ,
เชี่ยวพิเศษ...ผมสงสัยไม่หายจริงๆครูต้องเชี่ยวชาญเรื่องอะไร...ต้องเชี่ยวชาญเรื่องทำเอกสารทางวิชาการหรือหรือเชี่ยวชาญเรื่องการสอนเด็ก...น่าสงสารครูและเด็กไทยจริง...เฮ้อ! เหนื่อยใจแทนครูจริงๆนะจะบอกให้
บางคนอาจจะสงสัยว่าผมเป็นขี้อิจฉา...ตัวเองทำไม่ได้เลยอิจฉาเพื่อนเขาเล่นละซิ...
เปล่า...ผมไม่ได้อิจฉาคนที่ได้เลื่อนวิทยฐานะเป็นชำนาญการพิเศษหรือเชี่ยวชาญแม้แต่นิดเดียว(สาบาน...)
กลับดีใจแทนพวกเขาเสียอีก(แถมได้ผลประโยชนอีกนะ...เพื่อนที่ได้เลื่อนวิทยฐานะเขาพาไปเลี้ยงกินกันท้องกางไปเลย...)ผมไม่ได้หลอกตัวเองหรอกจะบอกให้ เคยทำเอกสารประเมิน ISO
ให้กับโรงงานที่หลานสาวทำงานอยู่(หลานสาววานให้ทำน่ะ...)
แล้วเคยพิมพ์วิทยานิพนธ์ให้คนที่เรียนต่อปริญญาโทด้วยนะ เพราะฉะนั้นผมไม่กลัวเรื่องทำเอกสารอยู่แล้ว
(แต่ตอนนี้คงทำเอกสารให้ไม่ไหวแล้วล่ะคนแก่เกษียณแล้ว ฮิ..ฮิ... ตา มือ สมองมันไม่ค่อยสามัคคีกันเท่าไหร่เลยพิมพ์ผิดบ่อยๆ...สงสารคนแก่เถอะนะ)
สาเหตุที่ผมไม่ทำอาจารย์ ๓ เลยมาจนถึง ค.ศ.๓ เพราะน้ำลายผมมันเหม็นไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเอง
ผมเคยบอกว่าถ้าการประเมินอาจารย์ ๓ ด้วยเอกสาร ผมจะไม่ทำ
เมื่อไหร่เขามาดูที่ตัวเด็กหรือผลงานของเด็กผมค่อยทำ
(เผอิญผมเกษียณเสียก่อนที่จะใช้เกณฑ์เชิงประจักษ์ที่แท้จริง(แท้จริงนะ...ไม่ใช่ปลอม)
เมื่อไรเพื่อนรุ่นน้องของผมที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องสอนเด็ก
เด็กของเขาเก่ง เด็กของเขาเป็นคนดี อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขจริงๆ
ได้เลื่อนวิทยฐานะเป็นชำนาญการพิเศษหรือเชี่ยวชาญโดยไม่ต้องเหมารถกะบะขนเอกสารไปให้เขาตรวจผมจะชัยโย...สามลา...แสดงความยินดี...พร้อมตีปี๊บดังๆให้ได้ยินกันทั่วว่านักการศึกษาของไทยเราตื่นแล้วจ้า...
ยังมีอีกท่านหนึ่งเป็นผอ.ผมเอง(ตอนที่ผมยังไม่ได้เกษียณ)เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆทำงานตัวเป็นเกลียว
ผลงานก็มีมากมาย กรรมการเขามาประเมินเป็นปีแล้วเอกสารที่เธอขนไปให้เขาอ่านได้อ่านแล้วยังก็ยังไม่รู้...แต่ถ้าให้เป็นเชิงประจักษ์จริงๆให้มาดูที่โรงเรียนสักสัปดาห์เป็นไร แล้วจะเห็นว่าเธอไม่ใช่แค่ชำนาญการพิเศษ
ต้องเชี่ยวชาญไปโน่นเลย โรงเรียนมีงบประมาณไม่พอที่จะพัฒนาในทุกด้านก็จัดระดมทุนให้ชาวบ้านชาวช่องเขาออกเงินซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการพัฒนาโรงเรียนคิดเป็นเงินแล้วได้เป็นล้าน
ยังไม่พอก็ยังลงทุนไปกู้สหกรณ์ฯด้วยตนเองไปเลย
ทำไมกรรมการไม่มาดูให้เห็นกับตาแล้วให้ผู้อำนวยการชำนาญพิเศษหรือเชี่ยวชาญไปโน่นเลย
แล้วที่จั่วหัวเรื่องว่า “ครูได้รับวิทยฐานะนักเรียนได้อะไร”
ก็บ่นไปอย่างนั้นเองตามประสาคนแก่อย่าคิดอะไรมาก แต่ถ้านักการศึกษาท่านใดคิดได้ก็เป็นบุญของนักเรียนและผู้ผลิตนักเรียน
(ก็คือครู...)
KROOWIN
|